10 Seconds
[ OS ChanBaek By iONiZ ]
"ไปไหนมา?"
หลังจากเดินพ้นประตูมา
แบคฮยอนก็หลุดยิ้มทันทีที่ได้ยินคำทักทายแรกของ ปาร์คชานยอล
เพื่อนซี้ที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย
จนตอนนี้พวกเขากลายเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 แล้ว
"อยากรู้จริงๆเหรอ
เรียกฉันว่าที่รักก่อนสิ"
สีหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ของชานยอลทำให้คนตัวเล็กพอใจจนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
แต่ไหนแต่ไรแล้วที่เพื่อนตัวสูงของเขาไม่ชอบให้ล้อเล่นด้วยคำพูดชวนอ้วกแบบนี้
ซึ่งมันแย่ตรงที่แบคฮยอนเป็นคนชอบพูดอะไรเลี่ยนๆเสียด้วยสิ
"ฉันถามเพราะอยากได้คำตอบ
ไม่ได้ถามเพราะอยากให้นายมากวนประสาทฉัน" แขนสองข้างถูกยกขึ้นกอดอก
บ่งบอกว่าตอนนี้ปาร์คชานยอลกำลังหงุดหงิด และพร้อมที่จะระเบิดใส่แบคฮยอนได้ทุกเมื่อ
ถ้าหากเขายังไม่ยอมตอบคำถาม
แต่ถ้ายอมพูดง่ายๆก็ไม่ใช่บยอนแบคฮยอนน่ะสิ...
คนตัวเล็กทิ้งกระเป๋าลงพื้น
ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อนตัวสูงพร้อมกับยกแขนขึ้นคล้องคออีกฝ่าย
แววตาสีเข้มยังคงจ้องมองเขาอยู่ ในขณะที่ตัวเขาก็ไม่ยอมหลบสายตาเหมือนกัน
"ไม่หงุดหงิดสิครับคนดี
ขมวดคิ้วแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ"
"แบคฮยอน!!"
การเห็นเพื่อนสนิทคนนี้ชักสีหน้าไม่พอใจใส่
และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงหนักๆ
กลายเป็นสิ่งที่บยอนแบคฮยอนมองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
มันไม่ใช่ว่าชานยอลเป็นคนมนุษยสัมพันธห่วยหรอกนะ
เพราะเวลาที่หมอนั่นอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่คณะก็ยิ้มแย้มปกติดี
ส่วนอาการตีหน้านิ่งกับพูดจากระโชกโฮกฮากจะกำเริบเฉพาะเวลาที่อยู่กับเขาเท่านั่น
เราเคยเป็นเพื่อนที่พูดจาดีๆด้วยกัน
แต่นั่นมันก็แค่ช่วงมัธยมปลาย
หลังจากเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยความสัมพันธ์ระหว่างเราก็เปลี่ยนไป ซึ่งแบคฮยอนก็ไม่รู้ว่ามันเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีหรือไม่ดี
การกระทำหลายๆอย่างของเพื่อนตัวสูงทำให้แบคฮยอนสับสน
ทั้งๆที่หมอนั่นก็ชอบบอกว่าเขาน่ารำคาญ
แต่ชานยอลกลับไม่ยอมปฏิเสธตอนที่เขาขอย้ายจากหอเดิมมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเพราะไม่อยากอยู่คนเดียว
ทั้งๆที่พูดว่าอยากจะคบเพื่อนคนใหม่บ้าง
แต่ชานยอลก็ยังเลือกเรียนคณะเดียวกันกับเขา ทุกอย่างมันดูย้อนแย้งไปหมด
รวมไปถึงความรู้สึกกับการกระทำของเพื่อนตัวยักษ์คนนี้ด้วย
หลังจากที่ฟาดฟันกันไปหนึ่งยก
แบคฮยอนก็หนีไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน
ส่วนชานยอลก็คงนั่งหน้าตึงอยู่บนหน้าโต๊ะคอมพ์เหมือนทุกๆวัน
แบคฮยอนไม่ลังเลที่จะกระโดดขึ้นเตียงไปพร้อมกับความเหนื่อยล้า
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่พอรุ่นน้องโทรมาขอให้ช่วยติวหนังสือให้
แบคฮยอนก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันที
นาฬิกาบนหน้าจอสมาร์ทโฟนบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง
มันจึงไม่แปลกที่เขาจะเริ่มมีอาการหนักๆที่เปลือกตา
หมอนนุ่มๆคือสิ่งแบคฮยอนต้องการในตอนนี้
หากแต่มันกลับมีบางอย่างดึงความสนใจไปจนได้
กระดาษโพสอิสสีเหลืองที่เขาเป็นคนเขียนและวางมันไว้บนโต๊ะคอมพ์
ถูกย้ายมาอยู่บนที่นอนแทน
[วันนี้ออกไปติวหนังสือให้รุ่นน้องนะครับที่รัก
ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกินล่ะ...แบคฮยอนนี่]
เพราะรู้ว่าชานยอลเป็นคนไม่ชอบเช็กข้อความในมือถือ
แบคฮยอนจึงเลือกที่จะเขียนใส่กระดาษโพสอิสและวางมันไว้ในที่ที่ผ่านสายตาเพื่อนสนิท
และโต๊ะคอมพิวเตอร์คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
ก่อนออกไปเขาแปะมันไว้บนโต๊ะ
และหาอะไรมาวางทับไว้เรียบร้อย มันเป็นไปไม่ได้ที่กระดาษใบนี้จะปลิวมาตกบนเตียง
นอกเสียจากว่าจะมีคนเอามันมาวางไว้ นั่นทำให้แบคฮยอนได้รู้ว่า
ปาร์คชานยอลรับรู้แล้วว่าเขาไปไหน แต่หมอนั่นก็ยังจะถามทั้งๆที่ตัวเองก็รู้คำตอบ
"แบคฮยอน"
"ครับที่รัก?"
"นายอยากตายใช่ไหม?" คนถูกกวนประสาทตวาดเสียงแข็ง
ก่อนจะตบพนักพิงเก้าอี้ตัวข้างๆ เป็นเชิงบอกให้คนตัวเล็กเดินมานั่งลงตรงนี้
ถึงแบคฮยอนจะมีอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินมาแต่โดยดี
"ฉันง่วง
ไม่มีอารมณ์มานั่งเล่นเกมหรอก" พอชานยอลส่งจอยเกมมาให้ แบคฮยอนก็ชักสีหน้าบอกบุญไม่รับทันที
"ฉันไปนอนแล้วนะ"
ยังไม่ทันจะได้ลุกออกจากเก้าอี้
มือใหญ่ก็เอื้อมมาคว้าแขนเขาเอาไว้ พร้อมกับพยายามยัดเยียดจอยให้อีกครั้ง
ไม่ปฏิเสธว่าแบคฮยอนก็ชอบเล่นเกมเหมือนกัน แต่ในสภาพที่ร่างกายต้องการเตียงนอน
เขาก็ไม่สามารถทำตามใจชานยอลได้
"ไม่เล่นก็ได้
แต่นายต้องนั่งอยู่ตรงนี้ ห้ามลุกไปไหน"
"อย่างี่เง่าได้ไหมชานยอล"
"งั้นนายก็บอกมาสิว่าออกไปไหนมา"
นี่แหละนิสัยของปาร์คชานยอล
ชอบทำอะไรขัดกับจุดประสงค์อยู่เรื่อย
และการที่แบคฮยอนไม่ยอมตอบคำถามก็คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ชานยอลชอบพูดจาอ้อมค้อมจนเคยตัว มันถึงเวลาที่ต้องโดนดัดนิสัยบ้าง
"รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับคนดี?" คนตัวเล็กเลื่อนเก้าอี้เข้าไปใกล้
ก่อนจะลูบแก้มเพื่อนตัวสูงจนถูกมองค้อน แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังไม่ยอมหุบยิ้ม
"ไปติวหนังสือให้ใคร?" สุดท้ายผู้ร้ายปากแข็งก็ยอมพูดความจริง
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะไม้รู้ว่าตกลงแล้วชานยอลต้องการอะไร
แต่สำหรับเพื่อนซี้ที่คบกันมาเกือบ 6 ปี
แค่เพื่อนตัวสูงอ้าปากแบคฮยอนก็มองทะลุไปถึงข้างในแล้ว
"เซฮุน ไปติวหนังสือให้เซฮุนมา"
"ที่ไหน?"
"บ้าน"
ราวกับว่าแบคฮยอนกำลังนั่งอยู่กลางทะเลทรายที่มีพายุพัดกระหน่ำอยู่รอบตัว
หลังจากที่ชานยอลรู้ว่าเขาไปติวหนังสือให้เซฮุนที่บ้าน
ใบหน้าหล่อก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาทันที
"รู้ทั้งรู้ว่าไอ้เด็กนั่นมันคิดไม่ซื่อ
นายก็ยังจะไปติวหนังสือให้มันถึงบ้าน!"
"อย่าเพิ่งโมโหสิที่รัก"
"ทำไม
ต้องรอให้นายกับไอ้เด็กเวรนั่นได้กันก่อนเหรอฉันถึงจะโมโหได้?"
"ไม่ต้องรอถึงตอนนั้นหรอก
ถ้านายรู้ว่าวันนี้ฉันไปเดทกับเซฮุนมา นายก็คงโมโหอยู่ดี"
แผ่นหลังบางนาบไปกับพนักพิงเก้าอี้ เมื่อถูกคนตัวสูงพุ่งมากดไหล่ไว้
นั่นทำให้คนตัวเล็กไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แต่ใครสนล่ะ
ในเมื่อตัวเขาก็ไม่คิดจะหนีไปไหนอยู่แล้ว "เอาเลยชานยอล
ขย้ำฉันให้ตายคามือเหมือนอย่างที่นายชอบทำไง"
บยอนแบคฮยอนไม่ได้อวดดี
เขาไม่ได้ท้าทายอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด
แบคฮยอนก็แค่อยากให้ชานยอลยอมรับความรู้สึกตัวเองบ้าง
เพราะสิ่งที่เราเป็นอยู่มันเกินคำว่าเพื่อนมาใกล้มากแล้ว
รู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ปาร์คชานยอลกลายเป็นคนเย็นชาและอารมณ์ร้อน
มันไม่ใช่เพราะความเกลียดชัง
ไม่ใช่ความรู้สึกประหลาดที่เราก็ไม่รู้ว่าเริ่มก่อตัวขึ้นตอนไหน
ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหลังจากวันที่เรากลับจากงานกินเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆเฟรชชี่ปีหนึ่ง
คืนที่เราเผลอระบายความรู้สึกออกมาในรูปแบบที่เรียกว่าเซ็กส์
แบคฮยอนเข้าใจว่าครั้งแรกมันอาจเกิดขึ้นเพราะเราขาดสติ แต่ครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า
และครั้งต่อๆมาล่ะ มันเกิดขึ้นจากอะไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะความรัก...
"นายตายคามือฉันแน่
บยอนแบคฮยอน!"
ไม่จำเป็นที่ชานยอลจะต้องรอให้อีกคนเถียงอะไรออกมาอีก
เขาจับประคองใบหน้าหวานเอาไว้
ก่อนจะบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอีกฝ่ายด้วยอารมณ์คุกรุ่น
ริมฝีปากได้รูปประโคมจูบอย่างใจร้อน
เขาเกลียดแบคฮยอน เกลียดที่อีกฝ่ายชอบทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวเอง
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ปาร์คชานยอลจะไม่ยอมแตะต้องคนตัวเล็กแม้แต่ปลายเล็บ
การที่หัวใจจดจ่ออยู่กับมนุษย์ร่างเล็กที่ชื่อแบคฮยอนเพียงคนเดียว
มันย่อมดีกว่าการมีความรู้หึงหวงเข้ามาแทรกอยู่แล้ว ยิ่งได้จูบได้สัมผัส
เขาก็ยิ่งกลัวว่าจะมีคนมาแย่งคนของเขาไป
ยิ่งคิดก็ยิ่งหัวเสีย
แต่พอเพื่อนตัวเล็กส่งลิ้นร้อนเข้ามาหยอกล้อเขาบ้าง ไฟโทสะก็เริ่มเบาลง
"อะ อื้อ"
เสียงครางแผ่วกับแขนเล็กที่ยกขึ้นมาคล้องคอบ่งบอกว่าแบคฮยอนพอใจกับรสจูบมากแค่ไหน
นั่นทำให้ชานยอลอดไม่ได้ที่จะดูดดึงกลีบปากเป็นการลงโทษที่ทำตัวน่ารักเกินความจำเป็น
ยิ่งบดเบียดริมฝีปากเข้าหากันแนบแน่นมากเท่าไหร่
ความต้องการก็ยิ่งพุ่งสูง
ชานยอลเริ่มกลัวใจตัวเองแล้วว่าสักวันเขาคงต้องขังเพื่อนตัวเล็กไว้ในห้อง
ต้องมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้จูบได้สัมผัสร่างกายนี้
"ได้เวลากินของหวานแล้วครับที่รัก"
ร่างสูงผละจูบออกก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมากระชิบที่ข้างหู คำสุดท้ายของประโยคทำให้แบคฮยอนเข้าใจแล้วว่าทำไมชานยอลถึงไม่ชอบให้พูดคำว่าที่รัก
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนที่เขาพูดมันจะฟังดูลามกเท่าเสียงชานยาลหรือเปล่า
แบคฮยอนไม่อิดออดที่จะลงมานั่งกับพื้น
มือเล็กเอื้อมไปรั้งกางเกงกับชั้นในของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
อีกฝ่ายก็รู้งานขยับตัวให้ส่วนนั้นอยู่ตรงหน้าแบคฮยอนพอดี
คนตัวเล็กจับประคองส่วนแข็งขืนที่ตื่นตัวเต็มที่ได้ทั้งๆที่เราแค่จูบกัน
แบคฮยอนแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากพลางช้อนตาขึ้นมองเพื่อนสนิทร่างยักษ์
ที่ส่วนนั้นก็ยักษ์เช่นกัน
"อะ อ่าห์"
เสียงครางทุ้มต่ำดังขึ้นหลังจากที่คนตัวเล็กก้มลงครอบครองส่วนหัวของแท่งเอ็น
เสียงดูดลามกเริ่มดังขึ้นเมื่อแบคฮยอนใช้ปากรูดรั้งขึ้นลงสลับกับการอมแช่ไว้แบบนั้นแล้วช้อนตาขึ้นมองคนด้านบน
บยอนแบคฮยอนคงอยากตายคามือเขาจริงๆนั่นแหละ
บางครั้งชานยอลก็อยากรู้ว่าระหว่างที่เพื่อนรักของเขากำลังดูดอมส่วนนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองมันหมายถึงอะไร
แค่อยากมองหน้าหรือกำลังยั่วกันแน่
ร่างสูงกัดปากตัวเองพยายามข่มใจไม่ให้เด้งสะโพกสวนตอนที่แบคฮยอนจงใจตวัดลิ้นเลียส่วนหัวด้วยจังหวะเร็วรัวก่อนจะจุ๊บมันเบาๆ
ชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนไปเรียนรู้วิธีแบบนี้มาจากไหน
มันหวาดเสียวจนอดไม่ได้ที่จะคว้าโทรศัพท์มาอัดคลิปเอาไว้
ภาพริมฝีปากสีสวยรูดรั้งโลมเลียส่วนกลางลำตัวปรากฏบนหน้าจอทันทีที่กดเปิดกล้อง
แบคฮยอนที่ไม่รู้ตัวว่าถูกถ่ายคลิปก็ก้มหน้าเล่นกับเจ้ายักษ์ต่อไป
แถมยังยกมือขึ้นช่วยรูดรั้งอีกด้วย
สุดท้ายคนตัวเล็กก็รู้ตัวและคายส่วนแข็งขืนออกมา
แต่นั้นกลับทำให้ภาพออกมาดูลามกกว่าเดิม
น้ำลายใสที่ยืดเชื่อมระหว่างส่วนหัวกับริมฝีปากสีสด
บวกกับแท่งเนื้อวาววับเพราะถูกน้ำลายใสเคลือบ
บยอนแบคฮยอนกำลังฆ่าตัวเองชัดๆ
"ถ้าฉันรู้ว่านายยังไม่เลิกยุ่งกับมัน
เด็กนั่นได้เห็นคลิปนี้แน่"
มันน่าโมโหที่แบคฮยอนดูไม่ค่อยเป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในมือถือเลยแม้แต่นิด
แถมยังส่งยิ้มกวนประสาทให้เขาอีก
คีบอร์ดและของที่วางอยู่หน้าคอมพ์ถูกมือใหญ่กวาดไปกองรวมกัน
ร่างเล็กที่เคยนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นก็ถูกอุ้มขึ้นมานั่งบนนี้แทน
"อ๊ะ จะทำตรงนี้จริงๆเหรอที่รัก"
แม้แต่ในตอนที่ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนต้นคอขาว แบคฮยอนก็ยังกวนประสาทได้ไม่เลิก
"ห้ามเรียกฉันด้วยคำพูดทุเรศๆแบบนั้นอีก
แบคฮยอน"
"ทำไมล่ะ นายไม่อยากเป็นที่รักของฉันเหรอ?"
"ในเมื่อฉันได้เป็นมากกว่านั้นแล้ว
ฉันจำเป็นต้องสนใจคำว่าที่รักของนายด้วยเหรอ ไร้สาระ"
ร่างสูงก้มลงกดจูบบนกลีบปากบางอีกครั้ง
เขาไม่อยากได้ยินคำว่าที่รักจากปากบยอนแบคฮยอน
คำพูดหวานหูกลายเป็นคำที่ไม่น่าฟังเพราะไอ้ตัวเล็กชอบใช้มันเป็นเครื่องมือในการกวนประสาท
บ่งบอกว่าที่พูดออกมานั่นไม่ได้คิดจริงจัง
แบคฮยอนชอบพูดเล่นจนเขาสับสนไปหมดแล้วว่าเพื่อนคนนี้คิดยังไงกับเขากันแน่
"ย...อย่าเพิ่งถอด" ไม่ทันแล้ว
ชานยอลจัดการถอดกางเกงนอนขายาวกับชั้นในของแบคฮยอนออกและโยนมันทิ้งไปแล้ว
เสียงครางกระท่อนกระแท่นร้องดังอยู่ข้างหู ตอนที่ฝ่ามือใหญ่จงใจลูบไล้ต้นขาเนียน
"ยกขาขึ้นหน่อย"
สิ้นคำคนตัวเล็กก็ยอมยกขาขึ้นชันบนโต๊ะ
แต่ก็ไม่ยอมแยกขาออกจนชานยอลต้องเป็นฝ่ายจัดการเอง
"อะ อ๊ะ ไม่ถอดเสื้อได้ไหมฉันหนาว
อ๊า"
อุณหภูมิที่ต่ำลงเพราะเครื่องปรับอากาศทำให้แบคฮยอนหนาวจนขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง
ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากฝ่ามือเย็นที่สอดเข้ามาเคล้นคลึงสลับกับใช้ปลายนิ้วลูบวนรอบๆยอดอก
เหมือนถูกกระชากลงหลุมด้วยสัมผัสวาบหวามจากผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิท
แบคฮยอนไม่อยากจะเชื่อเลยว่า
ปาร์คชานยอลเคยเป็นเด็กหนุ่มมอปลายที่ส่งยิ้มให้เขาทุกครั้งที่เราเจอหน้ากัน
ไม่อยากเชื่อว่าความสัมพันธ์ของเราจะเดินทางมาถึงจุดนี้
จุดที่มองเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ
เพราะหมอนั่นสามารถงัดปากเขาให้ร้องครางออกมาได้ด้วยการรูดรั้งส่วนอ่อนไหว
"อะ อื้อ อ๊ะ เร็วไปแล้ว!"
ใบหน้าหวานเชิดหน้าขึ้นมองเพดาน
ชานยอลกำลังจะฆ่าเขาด้วยการเร่งจังหวะมือไปพร้อมๆกับการใช้ลิ้นสกิดเขี่ยยอดอกชูชัน
เสื้อยืดสีเทาไม่ได้เป็นปัญหาต่อการตวัดลิ้นของเพื่อนตัวสูงเลยแม้แต่นิด
ชานยอลทั้งดูดเม้มและละเลงอวัยวะชุ่มน้ำลายไปทั่วอกบาง
พลางขบกัดสร้างร่องรอยสีแดงไว้เต็มพื้นที่
หน้าท้องแบนราบหดเกร็งไปหมด
พอถูกโจมตีทั้งด้านบนและด้านล่างไปพร้อมๆกัน แบคฮยอนก็แทบคุมสติตัวเองไม่อยู่
อกบางก็เผลอแอ่นสู้ลิ้นอย่างไม่รู้ตัว
นั่นยิ่งทำให้ปาร์คชานยอลจงใจตวัดลิ้นด้วยจังหวะที่เร็วกว่าเดิม
"อ๊ะ อะ อื้อ"
"เสียวไหมครับที่รัก?"
"อ๊า ย...หยุดพูด!"
อยากจะหาอะไรมาอุดปากไอ้บ้านี่เหลือเกิน
แต่ดูเหมือนว่าคนที่กำลังจะโดนอุดอาจจะเป็นตัวเขาเอง
ชานยอลละมือจากแกนกายเล็ก แต่ปากยังคงหยอกล้อกับยอดอกอยู่ไม่ห่าง
ฝ่ามือใหญ่เปิดลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนจะหยิบขวดอะไรสักอย่างออกมาอย่างชำนาญ
เสียงฉีกแผ่นพลาสติกทำให้แบคฮยอนเดาว่ามันเป็นสิ่งที่เพื่อนสนิทของเขาเพิ่งจะซื้อมันมา
ในที่สุดชานยอลก็ยอมละออกจากเรือนร่างเขา แล้วเทความสนใจให้ขวดบรรจุเจลแทน
ใช่ มันคือเจลหล่อลื่น
แถมยังเป็นขวดใหญ่สุดอีกด้วย แบคฮยอนไม่รู้ว่าในลิ้นชักมีสิ่งนี้อยู่
และไม่แน่ใจด้วยว่าชานยอลแอบไปซื้อมันมาตอนไหน
แต่ที่แน่ใจคือผู้ร้ายปากแข็งคนนี้คงคิดจะรังแกเขาอยู่ตลอด
ถึงได้ซื้อของแบบนี้มาตุนไว้ทั้งๆที่อันเก่าก็ยังใช้ไม่หมด
"เจ็บไหม?" คนตัวเล็กส่ายหน้าเป็นคำตอบแทนการเปล่งเสียง
หลังจากที่ชานยอลใช้ปลายนิ้วลูบวนเจลไปรอบๆช่องทาง
ไม่นานก้านนิ้วยาวก็ค่อยๆแทรกเข้ามาในตัวเขา
แบคฮยอนกัดปากพลางบีบขอบโต๊ะจนมือซีด
ชานยอลเพิ่มนิ้วเข้ามาอีกหนึ่งนิ้ว ก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกอย่างเนิบนาบ เสียงหอบหลายใจเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อความเสียวซ่านกระจายตัวไปถึงสมอง ยิ่งถูกเล้าโลมมาก่อนหน้านี้แล้ว
มันก็ยิ่งยากที่จะคุมสติไม่ให้หลุดลอยไปกับจังหวะเข้าออกของปลายนิ้ว
"ช...ชานยอล เราไปทำที่เตียงกันนะ อ๊า
อ่ะ"
"ไม่ อยากเอาตรงนี้"
เสียงทุ้มดังขึ้นยื่นคำขาด นั่นหมายถึงบยอนแบคฮยอนไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรได้อีก
ดูท่าทางชานยอลคงจะโกรธมาก
ที่รู้ว่าเขาไปเดทกับเซฮุนรุ่นน้องในคณะมาแล้ว
เพื่อนตัวยักษ์ถึงได้เอาแต่ก้มหน้าตากระแทกนิ้วเข้ามาไม่ยั้ง
ราวกับต้องการลงโทษให้หลาบจำ ซึ่งการลงโทษให้รับมือกับความกระสัน
มันทรมานมากกว่าการถูกทุบตีให้เจ็บปวดเสียอีก
"อ๊ะ!!"
คนตัวเล็กกระตุกเกร็งเมื่ออยู่ๆชานยอลก็ถอนปลายนิ้วออกพร้อมกับหยิบซองคอนด้อมมาฉีกด้วยปาก
เรียวขาเล็กถูกดันให้อ้าออก
ก่อนที่คนตัวสูงจะแทรกเข้ามาตรงกลางพร้อมกับจับแท่งเนื้อหุ้มคอมด้อมเนื้อดีมาจ่อไว้ตรงปากทาง
แกล้งถูวนไปรอบๆแต่ก็ไม่ยอมสอดใส่เข้าไปเสียที
"สัญญากับฉันเดี๋ยวนี้ว่านายจะไม่ยุ่งกับไอ้เด็กเซฮุนนั่นอีก"
"แสดงว่ากับคนอื่นที่ไม่ใช่เซฮุนก็ยุ่งได้ใช่ไหม?"
"แบคฮยอน!!"
"อ๊า มันเจ็บนะชานยอล!!"
อยู่ๆก็พรวดพราดดันส่วนแข็งขืนเข้ามามิดด้ามแบบนี้
ถึงจะมีคอมด้อมกับเจลเป็นตัวช่วยก็ยังเจ็บอยู่ดี
เล่นกระแทกซะเต็มแรงขนาดนั้นถ้าไม่จุกก็ความรู้สึกตายด้านแล้วแหละ
"ถ้าเจ็บก็เลิกยั่วโมโหฉันสักทีสิ
อาห์"
เสียงครางลามกดังขึ้นขณะที่เจ้าตัวเป็นฝ่ายขยับสะโพกเข้าออกอย่างเนิบนาบ
ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วในวินาทีถัดมา
"ฉันอนุญาตให้นายสนใจได้แค่ปาร์คชานยอลคนเดียวเท่านั้น จำไว้ซะแบคฮยอน"
"อะ อ๊ะ อ่ะ อื้อ"
ยอมแล้วบยอนแบคฮยอนยอมแพ้แล้ว...
เรือนร่างเล็กถูกจัดท่าให้ลงมายืนอยู่บนพื้นห้อง
สองแขนเท้ากับโต๊ะคอมพ์เพื่อใช้เป็นหลักพยุงตัวเอง ก่อนที่ขาขวาจะถูกชานยอลยกขึ้นเหยียบบนเก้าอี้นวม
จากนั้นคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก็ค่อยๆดันแท่งรักเข้ามาอีกครั้ง
"ชอบหรือเปล่า?"
"ช...ชอบ อื้อ อ่า"
"ชอบอะไร
ชอบฉันหรือชอบไอ้นั่นของฉัน"
"ชอบทั้ง ส...สองอย่าง"
มาถึงขนาดนี้แล้ว
แบคฮยอนคงไม่หน้าด้านพอที่จะปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ชอบสัมผัสวาบหวามจากเพื่อนตัวสูงคนนี้
เรือนร่างเล็กสั่นไหวไปตามแรงกระแทก
ถ้าชานยอลไม่ได้เกี่ยวเอวเขาไว้ป่านนี้คงทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังไปทั่วบริเวณห้อง
เขาไม่สนใจแล้วว่าข้างห้องจะได้ยินเสียงลามกนี่หรือเปล่า
ในขณะที่สมองขาวโพลนเพราะความเสียวซ่าน
แบคฮยอนก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้ร้องครางออกมาได้
ยิ่งอยู่ในท่ายกขาขึ้นหนึ่งข้าง
มันก็ยิ่งทำให้ชานยอลส่งแรงกระทั้นได้อย่างเต็มแรง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าของคนที่เคยบ่นว่าหนาว
เหมือนชานยอลจะรับรู้ได้ว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายืนอยู่ในท่านี้ไม่ไหวแล้ว
ร่างสูงจึงยกตัวแบคฮยอนให้ขึ้นนั่งบนโต๊ะอีกครั้ง
เสียงหอบหายใจหนักๆกับผิวเนื้อที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อ
กระตุ้นให้เขาออกแรงกระแทกกายเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มทันทีที่สอดเข้าไปจนสุด
คงไม่ต้องอธิบายว่าภาพที่เห็นมันวาบหวิวขนาดไหน
แกนกายใหญ่ที่ขยับเข้าออกกับใบหน้าหวานที่แสดงอาการกระสันเสียว
จนต้องคว้าส่วนนั้นแล้วออกแรงรูดรั้งมันด้วยตัวเอง มันหวาดเสียวจนจะบ้าตายอยู่แล้ว
ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าเขาปล่อยให้แบคฮยอนไปแสดงท่าทางแบบนี้กับคนอื่น
เขาจะต้องโกรธตัวเองจนคลั่งตายแน่ๆ
"อ่ะ อะ ช...ชานยอล"
พอได้ยินชื่อตัวเองเจ้าของชื่อก็ยิ่งกระแทกกระทั้นไสกายเข้าหาคนตัวเล็กอย่างไม่ออมแรง
เขาก้มลงมาป้อนจูบให้เพื่อนสนิทตัวเล็ก ในขณะที่ส่วนล่างก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป
อวัยวะชุ่มชื้นตวัดเกี่ยวกันจนเกิดเสียงเฉอะแฉะ
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่นิด
ฝ่ามือเย็นๆสอดเข้ามาลูบไล้ผิวเนื้อเรียบเนียนที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อยืด
ปัดป่ายไปทั่วทั้งหน้าท้องแบนและยอดอกชูชัน
ก่อนจะไล่ระดับลงมาจนถึงส่วนนั้นของคนตัวเล็ก
"รู้อะไรไหมแบคฮยอน..."
เสียงแหบพล่าปนกระเส่าเอ่ยกระซิบที่ข้างหู
เขาจงใจเว้นจังหวะคำพูดเพื่อที่จะได้ดูปฏิกิริยาของแบคฮยอน
ตอนที่ถูกเขากระแทกกายเข้าใส่พร้อมกับชักรูดแกนกายเล็กไปด้วย
"ฉันชอบให้นายครางชื่อฉัน มากกว่าคำพูดเลี่ยนๆพวกนั้นร้อยเท่า"
"อ๊ะ ช...ชานยอล ตรงนั้น อ่ะ อ๊ะ
อ่า" สมใจชานยอลแล้วสินะ วินาทีนี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
นอกจากครางเรียกชื่อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขา
"อ๊า อ๊ะ อา"
"อะ อื้ม อ่าห์"
เรือนร่างแร็งกระตุกเกร็งก่อนจะปลดปล่อยออกมาจนเลอะเสื้อตัวเอง
แผ่นอกเล็กกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจ ร่วมไปถึงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็มีอาการเช่นเดียวกันเขา
แบคฮยอนก้มลงมองส่วนนั้นที่ยังเชื่อมกันอยู่ก่อนจะผลักอกเพื่อนตัวสูงให้ขยับกายออกห่าง
"เอาออกไปได้แล้วชานยอล"
"..."
"ชานยอล"
"นายจะไม่คบกับเซฮุนใช่ไหม?"
ทำไมปาร์คชานยอลถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้นะ...
แบคฮยอนหลุดหัวเราะก่อนหยัดกายขึ้นกอดมนุษย์ยักษ์ซื่อบื้อ
เพราะว่าอีกฝ่ายยืนอยู่แบคฮยอนจึงดูเหมือนลูกลิงนั่งกอดไททันบนโต๊ะคอมพิวเตอร์
ริมฝีปากซนๆกดจูบลงบนแผงอกกว้าง
พลางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ต่างออกไปจากเดิม
"ฉันชอบนายอยู่นะ
คิดว่าฉันจะหนีไปคบคนอื่นได้เหรอ?"
ถ้าเป็นปกติปาร์คชานยอลคงจะขมวดคิ้วใส่เขาที่มักจะเอาคำว่า
'ชอบ' มาพูดเล่นอยู่เสมอ
หากแต่วันนี้มนุษย์ร่างยักษ์นั่นกลับยกมือขึ้นมายีหัวเขาพร้อมกับก้มหน้าลงมาจุ๊บหน้าผาก
"ขอฟังอีกครั้งได้ไหม"
"ฉันชอบนาย"
"..."
"ฉันชอบนายมากจริงๆ ปาร์คชานยอล"
ถ้าปล่อยให้แบคฮยอนทำตัวน่ารักมากกว่านี้
คนที่ต้องคลั่งตายคงกลายเป็นเขาแน่ๆ
ชานยอลอุ้มเพื่อนตัวเล็กทั้งๆที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกันอยู่
ไม่นานแผ่นหลังบางก็ราบไปกับเตียงนุ่ม
"โทษฐานที่ทำตัวน่ารักเกินไป
คืนนี้ฉันจะฟัดนายให้จมเตียงเลย"
หลังจากที่เสื้อยืดสีเทาถูกถอดออกไป
แบคฮยอนก็ได้ยินแค่เสียงเตียงที่โยกชนกับพนังกำแพงเป็นจังหวะ
เสียงครางกระเส่าของเราสองคนดังสลับกันจนคิดว่าห้องข้างๆคงนอนไม่หลับแน่ๆ
มันก็ช่วยไม่ได้นี่ ตราบใดที่ปาร์คชานยอลยังไม่หยุดส่งแรงกระแทกใส่เขา
แบคฮยอนก็คงหยุดครางไม่ได้
ครั้งนี้ชานยอลไม่ได้สวมคอนด้อม
และดูเหมือนเจ้าตัวจะชอบแบบนี้มากเสียด้วย
ขาสองข้างของแบคฮยอนแทบไม่ได้หุบเข้าหากันเลยแม้แต่วินาทีเดียว
แม้ว่าเพื่อนตัวสูงจะจับเขานอนท่าตะแคงข้าง
แต่ขาข้างหนึ่งก็จะถูกยกขึ้นไปพาดไว้บนตัวชานยอลเสมอ
"อะ อ๊า ช...ชานยอลแรงอีก ทำแรงๆ อ่ะ
อ๊ะ"
"อ่าห์ บ้าเอ้ย
นายกำลังจะทำให้เป็นบ้าแบคฮยอน"
ไม่รู้เลยว่าคืนนี้เราจูบกันไปกี่ครั้ง
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เหมือนเราต่างล่องลอยอยู่ในโลกที่มีกันแค่สองคน
ในขณะที่ร่างกายสั่นกระเพื่อมไปตามแรงส่ง
บยอนแบคฮยอนมองเห็นแค่ผู้ชายคนนี้เท่านั้น คนที่ปลดปล่อยเข้ามาในตัวไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
คนที่เอาแต่พร่ำพูดคำว่า 'ฉันชอบนาย' ให้เขาฟัง
"อ๊ะ อ่ะ อ่า ช...ชานยอล"
"จำไว้ว่าฉันชอบนาย
ต่อจากนี้ก็ช่วยสนใจแค่ฉันคนเดียวด้วย"
สุดท้ายผู้ร้ายปากแข็งก็รับสารภาพจนได้ว่าตกหลุมรักเพื่อนสนิทตัวเองจนหนีไปไหนไม่รอด...
*
*
*
*
*
*
*
*
แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้แบคฮยอนไม่จำเป็นต้องเดินไปเปิดไฟให้เสียเวลา
เขาตรงเข้าห้องน้ำทันทีที่ตื่นนอน ซึ่งกว่าจะตื่นก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมงแล้ว
รอยรักสีแดงที่กระจายอยู่ทั่วตัวทำให้แบคฮยอนแทบช็อก
ยังดีที่ชานยอลยังคิดได้
ว่าเขายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีคนคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านอยู่ตลอด
หมอนั่นจึงเลี่ยงที่จะฝากรอยรักไว้ตรงต้นคอ
พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
คนตัวเล็กก็เดินไปกดสวิตช์ไฟ แสงไฟขับไล่ความมืดออกไปจากห้อง
รวมทั้งสติของบยอนแบคฮยอนด้วย
บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เราใช้เป็นสนามรบชั่วคราว
มีรูปถ่ายกระจายอยู่เต็มไปหมด รวมทั้งพนังกำแพงก็ด้วย
มันถูกแต่งแต้มด้วยภาพถ่ายราวกับเป็นวอลล์เปเปอร์ลายใหม่
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารูปพวกนี้เป็นของใคร แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในนั้นนี่สิ
ที่ทำให้เขาอยากจะกระโดดเข้ากองไฟไปพร้อมกับรูปถ่ายบ้าๆนั่น
ทุกสีหน้า
ทุกท่าทางถูกถ่ายเก็บไว้หมด ทั้งตอนที่เขาหลับตาพริ้มลิ้มรสไอศกรีมแท่งใหญ่
ตอนอ้าขาออกกว้างๆให้ชานยอลเข้ามาเติมเต็ม หรือแม้แต่ตอนกัดปากเซ็กซี่ขณะออนท็อป
ปาร์คชานยอลมันเก็บไว้ได้ทุกหยาดหยดเลยครับคุณกิตติ
หากแต่ความชิบหายมันยังไม่หมดแค่นี้
ที่หน้าจอคอมพ์มีกระดาษโพสอิสแปะอยู่หนึ่งใบ
ในนั้นมีลายมือห่วยๆของมนุษย์ยักษ์ซื่อบื้อนามปาร์คชานยอล
[ เดี๋ยววันนี้เขียนใบลาให้
พักผ่อนเยอะๆนะ ฉันมีไฟล์หนังอยู่ในคอมพ์ ถ้าเบื่อก็เปิดดูฆ่าเวลาได้...PCY]
แบคฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้นวม
มือบางขยับเมาส์สองสามทีหน้าจอก็ฉายภาพไฟล์วีดีโอที่ถูกตั้งชื่อไว้ว่า 'BB' เขาจึงลองกดเล่นวีดีโอดู
'อ๊ะ อ่ะ ช...ชานยอลแบบนี้มัน อื้อ'
'มันเสียวสุดยอดเลยใช่ไหมล่ะ?'
'ร...แรงอีกชานยอล อ๊า อ่ะ ช...ชานยอล'
นั่นแหละครับลุงตู่
ปาร์คชานยอลมันร้ายกาจกว่าที่ใครๆคิด
เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนได้รู้จักกับคำว่าหน้าชา
มันเป็นเหตุการณ์ที่เฮอเร่อที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
และอาจเป็นประสบการณ์ขนหัวลุกที่สยองที่สุดในรายการคนอวดผี
"เซอร์ไพรส์~~~" ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงใคร
น้ำเสียงโทนทุ้มต่ำถูกบีบให้ฟังดูร่าเริงจนน่ากลัว
นั่นทำให้แบคฮยอนยืนเงียบไปเกือบนาที
"นี่อะไร? นายคิดว่าฉันเป็นนายเอกจีวีหรือไงปาร์คชานยอล!"
"ก็แค่ถ่ายไว้ดูเล่นจะโมโหทำไมครับที่รัก"
"อย่ามายอกย้อน!!!"
ชานยอลไม่รอให้แบคฮยอนโวยวายอะไรออกมาอีก เขาจัดการแบกแบคฮยอนขึ้นบ่า
ก่อนจะทุ่มร่างเล็กลงบนเตียงแล้วนอนทับ "มันหนักนะชานยอล!"
"ชวู่ ขออยู่แบบนี้สักพักนะ"
เสียงลมที่พ่นออกมาจากปากทำให้แบคฮยอนหยุดโวยวายได้อย่างน่าประหลาดใจ
เพราะว่าชานยอลนอนคร่อมทับอยู่บนตัวเขา
แบคฮยอนจึงมองไม่เห็นอะไรนอกจากเส้นผมสีแดงเชอร์รี่ของปาร์คชานยอล
"เป็นอะไร?" มันอดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้จริงๆ
ปกติแล้วชานยอลเคยอ้อนเขาแบบนี้เสียที่ไหน ปกติเจอหน้าก็มีแต่ขมวดคิ้วใส่
"ฉันรักนายนะแบคฮยอน"
คิดว่าแบคฮยอนจะตั้งตัวทันเหรอ
อยู่ๆก็โดนสารภาพรักแบบนี้ เป็นใครก็คงอึ้งทั้งนั้น ยิ่งเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากปาร์คชานยอลยิ่งทำให้น่าประหลาดใจ
"ไม่สบายเหรอชานยอล
ตัวก็ไม่ได้ร้อนนิ"
"เปล่า ก็แค่อยากกอด
อยากบอกให้รู้ไว้"
"..."
"รักนะ"
"อื้อ
รู้แล้วฉันก็รักนายเหมือนกันนั่นแหละ"
เรื่องน่าตลกคือบยอนแบคฮยอนกำลังรู้สึกหน้าร้อน เพราะรอยยิ้มของชานยอล
มันเป็นรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความสุขมากแค่ไหนหลังจากที่ได้ยินคำว่า
รัก จากปากเขา
"วันนี้เจอไอ้เด็กเวรนั่นด้วย"
"น้องชื่อเซฮุน"
"นั่นแหละ มันเดินมาถามหานาย
แล้วก็ถามอีกว่าฉันเป็นอะไรกับนาย"
"แล้วนายตอบเซฮุนไปว่ายังไง?"
"บอกว่า 'เป็นผัว' "
"ไอ้บ้า!"
แบคฮยอนทุบหลังมนุษย์ขี้หึงไปหนึ่งที
ชานยอลจึงใช้ศอกยันที่นอนเอาไว้เพื่อที่จะได้สบตากับเขาได้ถนัดขึ้น
"ล้อเล่น
ฉันบอกเซฮุนว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน"
"ถามฉันแล้วเหรอ?"
"หึ ไม่จำเป็น"
นี่แหละตัวอย่างของคนที่มีสกิลการกวนประสาทระดับเซียน ได้ยินแบบนี้ก็อดที่จะบิดเอวหนาๆของคนบนร่างไม่ได้
นั่นทำให้อีกฝ่ายถึงกับร้องซีด ก่อนจะก้มหน้าลงซุกอกเขาอีกครั้ง
บทจะไม่ยอมรับว่าชอบก็ตีหน้ามึนจนน่าอึดอัด
พอยอมรับแล้วก็ขี้อ้อนจนน่าหมั่นไส้
บางครั้งก็งงตัวเองว่าหลงรักผู้ชายปากแข็งคนนี้ไปได้ยังไง
ตลอดระยะเวลาที่คบกันมา ชานยอลไม่เคยหลุดปากพูดคำว่าชอบออกมาสักคำ
ทุกอย่างมันแย่ลงเรื่อยๆเมื่อชานยอลพยายามปกปิดความรู้สึกตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แบคฮยอนเลือกที่จะไม่ตัดใจ
หลังจากที่รู้ตัวว่าตกหลุมรักเพื่อนสนิทของตัวเอง
นั่นคือแววตาที่แสดงออกมาว่ารักเขาเต็มหัวใจ...
เหมือนอย่างตอนนี้
ตอนที่ปาร์คชานยอลคนปากแข็งกำลังใช้สายตาแบบนั้นมองมาที่เขา
"ชานยอล"
"ครับ?"
"ถามได้ไหมว่าเมื่อไหร่ที่นายรู้ตัวว่าชอบฉัน"
ฝ่ามือใหญ่เคลื่อนมาประคองใบหน้าแฟนตัวเล็กเอาไว้
ก่อนจะอมยิ้มแล้วกดจูบลงบนริมฝีปากบางจนได้ยินเสียง จุ๊บ ดังขึ้นเบาๆ
แต่นี่กลับไม่ใช่สิ่งที่ทำให้แบคฮยอนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ
เพราะสิ่งที่ทำให้ใจของเขาเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่คือประโยคต่อจากนี้ต่างหาก
"สิบวินาทีหลังจากสบตากับนายครั้งแรก
นั่นคือตอนที่ฉันรู้ตัวว่าตกหลุมรักคนอย่างนาย...บยอนแบคฮยอน"
-END-
สุขวันต์วันชานแบคค่ะ
ขอให้ชิปเปอร์ทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ
อยู่หวีดชานแบคไปด้วยกันนานๆ ฮิ้ววววว ><
กรีดร้องทำนองเพลงกันได้ในแท็กนี้นะคะ #osสิบวิชานแบค
ฝากฟิคเราด้วยนะคะ ลองเข้าไปอ่านได้ต๊ะ
แนวน่ารักใสๆพี่แบคน้องชานยอล
#อะไรเอ่ยเนียนขายของ 55555555555555555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น